Custom Search

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อุทยานแห่งชาติน้ำตกไทรโยค--กาญจนบุรี

มีเนื้อที่ 598,750 ไร่ สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาหินปูน ประกอบด้วยพื้นที่ป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง ไทรโยค ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่แห่งเดียวในประเทศไทยที่มีค้างคาวที่เล็กที่สุดในโลก คือ ค้างคาวกิตติ และ ปูราชินี ปูน้ำจืดชนิดใหม่ของโลกอาศัยอยู่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทรโยคเคยเป็นค่ายพักแรมของทหารญี่ปุ่น ปัจจุบันปรากฎร่องรอยเตาหุงข้าวและซากเตาไฟอยู่ในพื้นที่ นอกจากนี้ยังพบร่องรอยมนุษย์ยุคหินเก่า แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ

น้ำตกไทรโยคใหญ่ หรือเรียกอีกชื่อว่า น้ำตกเขาโจน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติไทรโยค เนื่องจากเป็นน้ำตกที่ไหลตกลงจากหน้าผาลงสู่แม่น้ำแควน้อยราวกับกระโจนลงมา น้ำตกไทรโยคใหญ่จะมีน้ำตลอดปี และน้ำจะแรงมากในฤดูฝน และในอดีตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เคยเสด็จประพาส ณ น้ำตกแห่งนี้ เมื่อวันที่อาทิตย์ที่ 3 ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 พ.ศ. 2420 ปีฉลู ภายในอุทยานมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติหลายเส้นทาง และมีจุดชมวิวสะพานแขวนไทรโยคที่จะเห็นน้ำตกไทรโยคได้ชัดเจน อัตราค่าเข้าชมอุทยานฯ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท บริเวณอุทยานมีบริการร้านอาหาร แพพัก แพล่อง เรือเช่า บ้านพัก ค่ายพักแรมและสถานที่กางเต็นท์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติไทรโยค โทร. 0 3451 6163 และที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช บางเขน กรุงเทพฯ โทร. 0 2562 0760 วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น. วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-15.30 น.





น้ำตกเจ็ดสาวน้อย จ.สระบุรี




น้ำตกเจ็ดสาวน้อย เป็นน้ำตกชั้นเตี้ยๆ จำนวน 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความสูงตั้งแต่ 2-5 เมตร สายน้ำไหลลดหลั่นเป็นธารน้ำตกกว้างคล้ายแก่งขนาดใหญ่ มีอ่างน้ำตื้นๆ หลายแห่งที่สามารถลงเล่นน้ำได้ น้ำตกชั้นที่สวยงามที่สุดคือชั้นที่ 4 ช่วงที่สวยงามที่สุดของน้ำตกจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายน เมษายน เพราะน้ำใสและยังปลอดภัยแก่ผู้ลงเล่นน้ำเนื่องจากน้ำไม่เชี่ยวเหมือนในช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม
ลำห้วยมวกเหล็ก เป็นลำห้วยที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ตลอดสายน้ำที่ไหลผ่านในพื้นที่มีระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร มีเกาะแก่งที่ไม่สูงมากนักลดหลั่นกันไป
อุโมงค์ต้นไม้ เป็นทิวทัศน์ที่มีความสวยงามแปลกตา อยู่บนทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2089 เส้นทางมวกเหล็ก-วังม่วง ทางทิศตะวันตกของพื้นที่ อุโมงค์ต้นไม้เกิดจากต้นไม้ที่อยู่ริมสองข้างทางที่มีเรือนยอดโค้งเข้าหากันจนดูคล้ายอุโมงค์ ก่อให้เกิดความสวยงามและความร่มรื่นแก่ผู้ที่ขับรถผ่านได้ตลอดวัน
ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก
อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อยไม่มีบ้านพักให้บริการ หากมีความประสงค์จะเดินทางไปพักแรมเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ หรือศึกษาหาความรู้ทางธรรมชาติ โปรดนำเต็นท์ไปกางเอง สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เพื่อศึกษาหาข้อมูลเบื้องต้นก่อนไปท่องเที่ยว ในบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ
การเดินทาง
รถยนต์ จังหวัดสระบุรีอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ตามถนนพหลโยธิน ระยะทาง 108 กิโลเมตร และตามทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือระยะทาง 113 กิโลเมตร จากตัวเมืองสระบุรีโดยใช้เส้นทางสายหลัก คือ ถนนมิตรภาพ ผ่านอำเภอแก่งคอยไปมวกเหล็ก ระยะทางจากตัวเมืองสระบุรี ถึงทางแยกเข้าสู่ทางหลวงสายมวกเหล็ก-หนองย่างเสือ ระยะทาง 41 กิโลเมตร จากทางแยกเข้าสู่อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อยระยะทาง 12 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ด้านขวาตรงข้ามวัดน้ำตกเจ็ดสาวน้อย
รถไฟ การเดินทางโดยรถไฟ ต้องนั่งรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ รถจะจอดรับ-ส่งผู้โดยสารที่สถานีสระบุรี สถานีแก่งคอย และสถานีมวกเหล็ก จากนั้นต่อรถโดยสารประจำทาง สายสระบุรี แก่งคอย-มวกเหล็ก ไปลงหน้าอุทยานแห่งชาติ
รถโดยสารประจำทาง การเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางเส้นทางกรุงเทพ-สระบุรี หรือกรุงเทพฯ ลพบุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง รถจะไปจอดส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่งสระบุรี จากนั้นนั่งรถโดยสารสระบุรี-แก่งคอย มวกเหล็ก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที รถจะไปจอดส่งผู้โดยสารที่หน้าอุทยานแห่งชาติ หรือโดยสารรถโดยสารเส้นทางกรุงเทพ-นครราชสีมา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ลงที่ตลาด อ.ส.ค. จากนั้นต่อรถโดยสารประจำทางสายสระบุรี-แก่งคอย-มวกเหล็ก ไปลงหน้าอุทยานแห่งชาติ
สถานที่ติดต่อ
อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย
หมู่ 9 บ้านแก่งหลุ ต.มวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี 18180
โทรศัพท์ 036-344416 โทรสาร 036-344416





น้ำตกโกรกอีดก อ. แก่งคอย จ. สระบุรี











น้ำตกโกรกอีดก อ. แก่งคอย จ. สระบุรี

ใครจะคิดบ้างว่าน้ำตกใหญ่และสวยงามแห่งนี้จะอยู่ใกล้ๆ กรุงเทพฯ เพียงแค่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ห่างจากกรุงเทพฯ เพียงร้อยกว่ากิโลเมตรเท่านั้นเอง แม้แต่คนสระบุรีเองเห็นภาพแล้วยังไม่เชื่อว่าที่อำเภอแก่งคอยจะมีน้ำตกใหญ่อย่างนี้ สภาพพื้นที่ของอำเภอแก่งคอย ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบทำนาข้าวและมีสวนผลไม้บ้างในบางพื้นที่ แล้วมีน้ำตกใหญ่ได้อย่างไร อย่าลืมว่าสระบุรีมีพื้นที่ติดกับเขาใหญ่ ลำน้ำเขาใหญ่ส่วนหนึ่งไหลลงสู่ที่ราบที่จังหวัดปราจีนบุรีและที่นครนายก สายน้ำทางด้านทิศใต้ของเขาใหญ่ไหลลงสู่ที่ราบในเขตพื้นที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ลำน้ำสายนี้ไหลผ่านไปยังมวกเหล็กลดระดับเกิดเป็นน้ำตกมวกเหล็ก น้ำตกเจ็ดสาวน้อย และน้ำตกขนาดเล็กอีกหลายจุดที่ปลายน้ำ ที่ชายขอบของเขาใหญ่สายน้ำได้เปลี่ยนระดับอย่างฉับพลันตกมาจากหน้าผาสูงชันเกิดเป็นน้ำโกรกอีดกที่สูงและสวยงาม อีกทั้งสภาพป่าบริเวณนั้นยังคงเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ระหว่างเส้นทางที่เดินยังพบเห็นร่องรอยของหมีที่ทิ้งตามต้นไม้ให้เห็นอยู่หลายจุด อีกทั้งยังมีสัตว์ป่าอีกหลายชนิดทั้งเก้ง หมู่ป่า ชะนี ฯลฯ

น้ำตกแบ่งเป็น 3 ชั้น ความสูงโดยรวม 350 เมตร แต่เราสามารถชมได้เพียงชั้นล่างสุดเท่านั้น ทางขึ้นชั้นถัดไปเป็นหน้าผาสูงชันปีนป่ายขึ้นลำบากและอันตราย ความสวยงามเต็มๆ ของน้ำตกโกรกอีดกสามารถชมได้จากทางอากาศ น้ำตกโกรกอีดกถูกพบโดยบังเอิญขณะที่ พณ. ปองพล อดิเรกสาร นั่ง ฮ. ผ่านไปยังสระบุรีได้สังเกตเห็นน้ำตกขนาดใหญ่อยู่ลึกเข้าไปในป่า หลังจากนั้นจึงจัดคณะสำรวจออกค้นหาโดยเดินตัดเข้าป่าแล้วเดินย้อนขึ้นไปตามลำน้ำจนไปสุดทางที่น้ำตกใหญ่แห่งนี้ ผมได้มีโอกาสไปเยือนน้ำตกนี้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เมื่อเห็นแล้วก็ทึ่งในความยิ่งใหญ่และสวยงาม หลังจากนั้นก็ได้นำภาพมานำเสนอทางเวบไซด์ ชื่อของน้ำตกโกรกอีดกจึงเริ่มคุ้นหูและคุ้นตามากขึ้นเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้าไปมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เมื่อครั้งแรกที่ไปเยือน ผมประทับใจในความสวยงามของเส้นทางเดินสู่น้ำตกโกรกอีดก ระหว่างเส้นทางมีดอกลิ้นมังกรสีส้มออกดอกเป็นกลุ่มๆ อยู่บริเวณลานหิน สวยงามมาก อีก 2 ปีถัดมากอดอกลิ้นมังกรเหล่านั้นหายไปหมดแล้ว อ่านมาถึงจุดนี้ก็อยากจะขอสักนิด หากท่านได้รู้จักน้ำตกโกรกอีดกครั้งแรกจากเวบแห่งนี้ และเกิดแรงดลบันดาลใจให้ไปเพราะข้อมูลจากเวบนี้ หากท่านไปเยือนขอความกรุณาไปแบบอนุรักษ์ อย่าเก็บพืชพรรณในป่าออกมา อย่าทิ้งขยะไว้ตามเส้นทางเดิน ถึงแม้แหล่งท่องเที่ยวจุดนี้จะมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวกันน้อย แต่ขยะมีทิ้งไว้มิใช่น้อย เราเที่ยวกันแบบยั่งยืนคือเที่ยวได้ตลอดกาลนานถึงรุ่นลูกรุ่นหลานโดยธรรมชาติไม่พังเพราะคนรุ่นเรา

น้ำตกโกรกอีดก อยู่ในพื้นที่การดูแลของศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า การเดินทางไปเข้าน้ำตกโกรกอีดกเป็นเส้นทางเดินป่าขึ้นเขาเข้าป่าลึกซึ่งไม่มีเส้นทางเด่นชัดดังนั้นการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตกควรติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ศูยน์เจ็ดคตให้นำทางเข้าไป จ่ายค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อยแลกกับความสบายใจและปลอดภัยในการท่องเที่ยว สภาพเส้นทางเป็นธรรมชาติมากๆ จะต้องผ่านป่าผ่านลำธารหลายจุด ทรายริมลำธารเป็นโป่งผีเสื้อ ปกติจะมีฝูงผีเสื้อลงที่โป่งให้เห็นประจำ เห็ดต่างๆ ก็เยอะ มอส เฟิร์น และพืชพรรณในป่าฝนมีมากมาย เห็นแล้วสบายตาสบายใจรับรองว่าเห็นแล้วจะต้องชอบ แต่เส้นทางเดินสู่น้ำตกไม่ใช่ทางสบายๆ ต้องเดินขึ้นเขาลงห้วย ขึ้นทางชัน ปีนผ่านป่าไผ่ กว่าจะถึงก็เหนื่อยเอาการ ดังนั้นหากคิดจะไปควรเตรียมความพร้อมของร่างกายด้วยนะครับ

การเดินทาง จากกรุงเทพฯ มุ่งสู่จังหวัดสระบุรี ถึงสระบุรีเลี้ยวขวาไปตามถนนมิตรภาพ มุ่งหน้าไปทางมวกเหล็ก ก่อนถึงมวกเหล็กบริเวณโรงงานฟูรูกาวาก่อนถึงทับกวางจะมีป้ายบอกเส้นทางไปศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า เป็นเส้นทางแยกขวาจะต้องไป U-turn กลับรถแล้วขับไปตามเส้นทางที่มีป้ายบอก ไปไม่ยากมีเส้นทางหลักทางเดียว สภาพเส้นทางเป็นทางลาดยางอย่างดีขับสบาย ระยะทางประมาณ 26 กม.

แหล่งท่องเที่ยวบริเวณศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า มีลานกางเต็นท์ริมอ่างเก็บน้ำบรรยากาศดีน่าตั้งแค้มป์พักแรมสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติใช้ชีวิตแบบนอนกางดินกินกลางทราย สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายก็ไม่มีปัญหาเพราะที่นี่มีบ้านพักบรรยากาศดีไว้บริการแก่นักท่องเที่ยว

จากศูนย์ฯ มีเส้นทางเดินเท้าเข้าไปเที่ยวชมน้ำตกเจ็ดคต ประกอบด้วยน้ำตกหลายสายอันประกอบไปด้วยน้ำตกเจ็ดคตเหนือ น้ำตกเจ็ดคตใต้ และน้ำตกเล็กๆ อีกหลายจุดล้วนมีธรรมชาติที่สวยงามน่าไปเยี่ยมชม แต่ก่อนเคยมีกิจกรรมนั่งช้างเที่ยวธรรมชาติ ค่านั่งช้างคนละ 150 บาท ช้างจะพาเดินเข้าสู่ป่าไปชมธรรมชาติและน้ำตก แต่กิจกรรมนี้ไปไม่รอดจึงต้องยกเลิกไปเพราะไม่มีค่อยจะมีนักท่องเที่ยว ก็จะมีได้ยังไงในเมื่อชื่อยังไม่ค่อยได้ยินเลย ตอนนี้พอรู้จักกันแล้วก็ลองแวะไปเที่ยวกัน แค่สระบุรีร้อยกว่ากิโลเสียค่าน้ำมันนิดหน่อยแลกกับธรรมชาติป่าเขาน้ำตกสวยๆ ที่จะได้พบเห็นถือว่าคุ้มสุดคุ้ม แต่ถ้าจะไปกับคณะทัวร์ดอยก็ต้องคอยฟังข่าวว่าเมื่อไรจะจัดไป ปกติจะจัดไปปีละครั้งไม่ได้จัดในเชิงธุรกิจแต่จัดแบบว่าอยากไปเที่ยว

ช่วงเวลาที่เหมาะสม

โกรกอีดกมีน้ำตลอดทั้งปีแต่จะสวยมากในช่วงฤดูฝนเพราะปริมาณน้ำจะไหลเต็มหน้าผา มีน้ำตกครบทุกสาย ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ มิถุนายน- กันยายน ไปช่วงต้นฤดูฝนจะสวยกว่าเพราะพืชพรรณในป่าฝนเริ่มออก มีทั้งมอส เฟิร์น และเห็ดสวยงามมีให้ชม เห็ดแชมเปญสีชมพูสวยๆ ก็มี ผีเสื้อก็เยอะ


วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

น้ำตกทีลอซู อลังการกลางป่าอุ้มผาง













น้ำตกทีลอซู อลังการกลางป่าอุ้มผาง

น้ำตกทีลอซ ูเกิดจากลำห้วยกล้อท้อไหลมาจากผืนป่าบริเวณทิศตะวัตตกติดชายเแดนพม่า ลำน้ำทั้งสายตกลงจากหน้าผาสูงกลางป่าทึบของป่าทุ่งใหญ่ในเขตพื้นที่อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เป็นน้ำตกที่ยิ่งใหญ่มีชื่อว่า น้ำตก ทีลอซู มีความสูงประมาณ 300 เมตร เมื่อภาพความสวยงามและยิ่งใหญ่ของน้ำตกทีลอซูปรากฎสู่สายตาแก่นักท่องเที่ยวจึงทำให้ชื่อเสียงของทีลอซูโด่งดังในเวลาอันรวดเร็ว ผู้คนมากมายต่างได้ยินเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของน้ำตกทีลอซู ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวมากมายได้เข้าไปสัมผัสแล้วกลับมาบอกเล่าถึงความสวยงาม แต่เป็นที่น่าเสียดายที่น้ำตกทีลอซูที่เคยยิ่งในใหญ่ครั้งนั้นหดหายไปบ้างเนื่องจากเกิดหน้าผาถล่มเพราะฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ปริมาณน้ำมีมาก หน้าผารับน้ำหนักไม่ไหวจึงถล่มพังลงมา นั่นเป็นเวลาที่ผ่านมานานแล้ว ถึงแม้หน้าผาน้ำตกจะถล่มไปแล้วถึงสองครั้งแต่ความสวยงามของที่ลอซูที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ยังสวยงามเกินพอที่นักท่องเที่ยวจะได้เข้าไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต

ปัจจุบัน น้ำตก ทีลอซู อยู่ในพื้นที่การดูแลของเขตรักษาพันธุ์ป่าอุ้มผาง น้ำตกทีลอซูไม่ใช่อุทยานแห่งชาติ เป็นเพียงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซึ่งมีกฎระเบียบการเข้าไปในพื้นที่เคร่งครัด จุดประสงค์เพื่อปกป้องป่าไว้ไม่ให้ถูกทำลายจากการเข้าไปของมนุษย์

แต่ก่อนนั้นการเดินทางเข้าไปยากลำบาก ต้องล่องแพไม้ไผ่เข้าไปจนถึงจุดหนึ่งซึ่งต้องขึ้นบกและเดินเท้าเข้าไปด้วยความยากลำบาก ต่อมาเริ่มมีถนนดินตัดเข้าไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ แต่เส้นทางก็เพียงถนนดิน เมื่อถึงฤดูฝนถนนก็จะชำรุดเสียหายยากต่อการเดินทาง ปัจจุบันความยากลำบากของการเดินทางเข้าน้ำตกทีลอซูกลายเป็นตำนานเพราะเมื่อปี พ.ศ. 2546 มีการปรับปรุงเส้นทางใหญ่ ทำเป็นถนนลูกรังอัดแน่นอย่างดีมิใช่เส้นทางที่มีแต่หล่มโคลนเหมือนแต่ก่อน ถึงแม้ถนนดีเดินทางเข้าไปง่ายแต่ความเป็นธรรมชาติยังคงถูกรักษาไว้ด้วยกฎระเบียบที่เคร่งครัด ถนนเข้าน้ำตกทีลอซูจะถูกปิดในช่วงฤดูฝนและจะเปิดให้เข้าอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน การเข้าไปชมน้ำตกไม่สามารถนำอาหาร ขนม และขวดน้ำเข้าไปได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นำติดตัวไปจะต้องฝากไว้ที่จุดตรวจ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้น้ำตกทีลอซูยังคงสะอาดปราศจากขยะ

การเดินทางจากอุ้มผางสู่ ทีลอซู

การล่องแพยังเป็นการเดินทางที่เป็นอมตะสำหรับการเดินทางในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เริ่มฤดูฝนไปจนถึง 1 พฤศจิกายน เส้นทางเข้าทีลอซูถูกปิด การเดินทางเดียวที่ทำได้คือการล่องแพ แต่ก่อนใช้แพไม้ไผ่แต่ในปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้เรือยางลำใหญ่ปลอดภัยกว่าและยังเป็นการอนุรักษ์ จากตัวเมืองอุ้มผางจะต้องลงเรือยางล่องมาตามลำน้ำแม่กลอง ผ่านบ่อน้ำร้อนและแก่งต่างๆ ตลอดเส้นทางที่ล่องเรือผ่านมีทัศนียภาพที่สวยงามและยังคงเป็นธรรมชาติมากๆ เมื่อล่องมาถึงครึ่งทางนักท่องเที่ยวก็จะได้เห็นความสวยงามของน้ำตกทีลอจ่อที่ตกลงมาจากหน้าผาสูงลงสู่ลำน้ำแม่กลอง ถัดจากนั้นมาไม่ไกลก็จะผ่านน้ำตกสายรุ้ง หากเดินทางไปในช่วงเวลาที่เหมาะสมก็จะเห็นรุ้งกินน้ำที่เกิดจากแสงที่ตกกระทบกับละลองน้ำของสายน้ำตก นอกจากนี้ยังมีน้ำตกริมทางให้ได้หยุดแวะเล่นน้ำกันอีกด้วย ระยะเวลาสำหรับการล่องเรือยางประมาณ 3-4 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับความแรงของกระแสน้ำในแต่ละช่วงเวลา เมื่อขึ้นจากเรือยางจะต้องเดินเท้าต่อไปยังจุดกางเต็นท์พักแรมที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางอีกประมาณ 10 กิโลเมตร ประมาณ 1 กิโลเมตรแรกเป็นเส้นทางเดินผ่านป่า ช่วงที่เหลือเป็นถนนลูกรังอัดแน่น สภาพเส้นทางมีขึ้นเนินเป็นบางช่วงโดยเฉพาะช่วงแรกๆ จะเป็นการเดินขึ้นเนินเป็นส่วนใหญ่ ช่วงกลางและท้ายจะเป็นทางลงเนิน วันถัดมาจึงจะได้ชื่นชมกับความงามของน้ำตกทีลอซู ตอนเดินทางกลับก็จะต้องเดินย้อนกลับมาตามเส้นทางเดิมเพื่อกลับมาลงเรือยางล่องต่อไปยังจุดที่ลำน้ำบรรจบกับถนน แล้วขึ้นรถกลับสู่รีสอร์ที่พัก

สำหรับการเดินทางในช่วงเวลาที่ถนนเปิดให้รถเข้าจะมีการเดินทางเป็น 2 แบบ ส่วนใหญ่จะนิยมล่องเรือยางไปยังจุดที่ขึ้นบก จากนั้นก็ขึ้นรถต่อไปยังจุดกางเต็นท์ ขากลับก็นั่งรถกลับตรงไปยังรีสอร์ที่พักในตัวเมืองอุ้มผาง สบายๆ ไม่ต้องเดิน แต่ช่วงเวลานั้นจะมีนักท่องเที่ยวมากในช่วงวันหยุดโดยเฉพาะวันหยุดเทศกาล ถ้าหากไปในช่วงเวลาดังกล่าวก็ต้องยอมรับสภาพว่าบรรยากาศของการแค้มปิ้งพักแรมไม่ค่อยดีเท่าไร

อีกแบบหนึ่งสำหรับผู้มีเวลาน้อยและนิยมประหยัด คือการขับรถรวดเดียวจากตัวเมืองอุ้มผางไปยังจุดกางเต็นท์ จากนั้นเดินเท้าเข้าไปเที่ยวน้ำตกแล้วขับรถกลับ

ถึงแม้ช่วงเวลานั้นเส้นทางจะเปิด นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถเข้าไปได้แต่การล่องเรือยางเป็นการเดินทางที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยมมากที่สุดเกือบ 99% ทั้งนี้เพราะการล่องเรือยางเป็นรสชาติของการเดินทางไปน้ำตกทีลอซู เหมือนการเดินทางในรุ่นแรกเริ่ม และนักท่องเที่ยวยังได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามของบรรยากาศป่าเขาริมทาง เป็นการเดินทางที่คุ้มค่า




วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อุทยานแห่งชาติเอราวัณ เที่ยวกาญจนบุรี




เดิมมีชื่อว่า อุทยานแห่งชาติเขาสลอบ มีเนื้อที่ 343,735 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นอุทยานแห่งชาติเอราวัณเนื่องจากชั้นสูงสุดของน้ำตกเป็นธรรมชาติที่มีลักษณะคล้ายหัวช้างเอราวัณ


น้ำตกเอราวัณ อยู่ห่างจากตัวเมือง 65 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่ใหญ่และสวยงาม บนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ต้นน้ำเกิดจากลำห้วยม่องไล่ไหลผ่านลงจากยอดเขาและผาสูง 2,100 เมตร น้ำตกเอราวัณมีความยาว 1,500 เมตร แบ่งเป็น 7 ชั้น แต่ละชั้นมีลักษณะเป็นอ่างสามารถเล่นน้ำได้ และยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเอราวัณ ระยะทาง 1,060 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ผ่านป่าดิบเขา จุดชมวิวและป่าผลัดใบที่สวยงาม ท่านจะได้รับความเพลิดเพลินในการชื่นชมธรรมชาติและได้ความรู้จากป้ายสื่อความหมาย

ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
ในบริเวณอุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทร. 0 2562 0760 วันจันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น. วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-15.30 น. หรือที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ หมู่ 4 ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ กาญจนบุรี โทร. 0 3457 4222, 0 3457 4722, 0 3457 4234 หมายเหตุ : อุทยานแห่งชาติเอราวัณได้รับรางวัลยอดเยี่ยมประเภทแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ภาคกลาง จากการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ครั้งที่
6 ประจำปี 2549 มีการบริการเทียบเท่าระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นรถกอล์ฟสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการที่ประสงค์จะเข้าชมน้ำตก ซึ่งอยู่ห่างจากที่จอดรถถึงน้ำตกชั้นแรกประมาณ 700 เมตร


การเดินทาง
ไปน้ำตกเอราวัณ
รถยนต์ ไปตามทางหลวงหมายเลข 3199 (กาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์) เมื่อถึงกิโลเมตรที่ 56 แยกซ้ายข้ามสะพานเข้าตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ตรงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ถึงลานจอดรถแล้วเดินต่อไปอีก 500 เมตร จะถึงน้ำตก รถโดยสารประจำทาง มีรถสายกาญจนบุรี-เอราวัณออกจากสถานีขนส่ง ถ.แสงชูโต มายังตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ทุกวันใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง


ก่อนการเข้าไปท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวควรมีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติและแนะนำนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะเข้าไปท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติที่มีการกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวไว้ ให้ติดต่อสอบถามหรือสำรองการเข้าไปใช้บริการล่วงหน้าก่อนการเดินทางที่อุทยานแห่งชาติโดยตรงได้ที่

อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จังหวัดกาญจนบุรี โทร. 0 3457 4722 และ 0 3457 4234